พระพุทธศรีสรรเพชร

     พระพุทธศรีสรรเพชร เป็นพระพุทธรูปปางสะดุ้งมาร ขนาดหน้าตักกว้าง 7 ศอก ทำด้วยเนื้อหิน ลงรัก ปิดทอง
     สร้างขึ้นในช่วงสมัยอยุทธยา ประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถ ของวัดคลองเตยใน เป็นที่เคารพสักการะบูชาของชาวเขตคลองเตย และประชาชนทั่วไป ที่แวะเวียนมาสักการะบูชาอย่างไม่ขาดสาย

พระพุทธโสธร

     มีตำนานกล่าวไว้ว่า ได้มีพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ 3 องค์ ลอยตามน้ำ ผ่านเมืองปราจีนบุรีมา แล้วไปผุดที่ตำบลสัมปทวน แขวงเมืองฉะเชิงเทรา
     ชาวบ้านไปพบเข้า จึงนำเชือกพรวนไปผูกมัด พระพุทธรูปทั้ง 3 องค์นี้ แล้วช่วยกันฉุดลากขึ้น แต่ไม่สามารถจะนำขึ้นมาจากน้ำได้
     พระพุทธรูปองค์ใหญ่ จึงลอยตามกระแสน้ำ และไปผุดขึ้นที่บ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงคราม ชาวบ้านแหลม จึงอัญเชิญประดิษฐาน ไว้ที่วัดบ้านแหลม
     ส่วนพระพุทธรูปองค์เล็ก ไปผุดขึ้นที่คลองใกล้วัดบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ชาวบ้านจึงอัญเชิญประดิษฐาน ไว้ที่วัดบางพลี
     ส่วนหลวงพ่อโสธร ซึ่งเป็นองค์กลางนั้น ผุดขึ้นที่หน้าวัดโสธร ชาวบ้านได้ช่วยกันฉุดแต่ไม่ขึ้น จนอาจารย์ท่านนึ่ง มาตั้งศาลเพียงตา ทำพิธีบวงสรวง แล้วเอาด้ายสายสิญจน์คล้องไว้กับพระหัตถ์ จึงอัญเชิญขึ้นมาได้สำเร็จ และนำมาประดิษฐาน ไว้ในพระอุโบสถวัดโสธรจนถึงปัจจุบัน
     เทศกาลนมัสการหลวงพ่อโสธรประจำปี มีปีละ 3 ครั้ง คือ กลางเดือน 12 และกลางเดือน 5 และช่วงเทศกาลตรุษจีน
     อ้างอิงจาก: http://www.hamanan.com/tour/chachengsao/sothon.html

รอยพระพุทธบาท

     รอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ประดิษฐาน ณ ไหล่เขาสุวรรณพรรพต หรือ เรียกว่า เขาสัจจพันธคีรี อยู่ในท้องที่ ตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี
     พบในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตรงกับสมัยของ พระเจ้าทรงธรรม โดย นายพรานบุญ เป็นผู้พบ พระเจ้าทรงธรรม ทรงสถาปนา ยกที่พระพุทธบาท ขึ้นเป็น "พระมหาเจดีย์สถาน"
      ในสมัยโบราณ ถือกันว่า ถ้าผู้ใดไปนมัสการ รอยพระพุทธบาท ที่จังหวัดสระบุรีนี้ ครบ 3 ครั้งแล้ว เมื่อตายไป ก็จะได้ ขึ้นสวรรค์กันทุกคน เนื่องจาก การเดินทาง ในสมัยนั้น มีความลำบาก ทุรกันดาร ต้องเสี่ยงกับ การเป็นไข้มาลาเรีย
      ในสมัยนั้น จะต้องใช้เวลา ถึง 2 วัน ต้องเดินผ่านป่าดง ไม่มีบ้านเรือน ผู้ที่มุ่งมั่น ที่จะไปนมัสการ รอยพระพุทธบาท ด้วยกุศล เจตนา แม้เดินทางไป ด้วยความเหนื่อยยาก หากได้สักการะบุชาแล้ว ก็หายเหนื่อย

พระสังกัจจาย

     วัดเงินคลองเตย ตั้งอยู่ในบ้านเหล้า ในบริเวณทุ่งคลองเตย พระโขนง เรียกตามอดีต ซึ่งในปัจจุบันพื้นที่ของวัดได้ถูกย้ายออกไป เพื่อสร้างเป็นท่าเรือ กรุงเทพฯ ตามประวัติในบริเวณที่ว่าง ยังเป็นที่ตั้งของวัด 2 วัด คือ "วัดเงิน" และ "วัดทอง" โดยการท่าฯ ได้ย้าย "วัดทอง" ออกไปสร้างใหม่เป็น "วัดธาตุทอง" (เอกมัย) สุขุมวิท ส่วน "วัดเงิน" ก็นำไปรวมกับ "วัดไผ่" รวมกันเป็น "วัดไผ่เงิน" ในปัจจุบัน วัดเงินในอดีตเป็นวัดเล็กๆ เกิดขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เริ่มจากพ่อค้าชาวรามัญสองสามีภรรยา ได้เดินทางมาค้าขายและอาศัยอยู่ในแดนสยามเรื่อยมา จนธุรกิจรุ่งเรือง มีเงินทองมากมาย และด้วยทั้งคู่นับถือศาสนาพุทธอย่างเหนียวแน่น ทำให้เกิดศรัทธาแรงกล้าที่จะสร้างวัดเพื่อเป็นการทำบุญและสืบทอดพระพุทธ ศาสนาให้ยาวนานต่อไป โดยใช้เงินที่ทำธุรกิจได้กำไรมาเป็นทุน ดังนั้นทั้งคู่จึงตั้งชื่อวัดแบบง่ายๆว่า "วัดเงิน" ในการสร้างวัดก็ได้สร้างพระพิมพ์ไปพร้อมๆกันตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นพระที่สร้างด้วยการกดพิมพ์เนื้อผงสีขาว ได้นำออกแจกจ่ายแก่ประชาชนในละแวกนั้น ส่วนหนึ่งได้นำไปบรรจุลงยังเจดีย์ริมน้ำเจ้าพระยา ในปี พ.ศ. 2490 ได้เกิดเหตุเรือพ่วงบรรทุกข้าวสารหลุดพ่วงโยงแล้วหันหัวเข้าชนเจดีย์ริมน้ำ ทำให้พระเครื่องที่บรรจุอยู่ภายในทะลักออกมา จึงเป็นต้นกำเนิดของพระผงกรุวัดเงินคลองเตยอันเลื่องชื่อ และพระผงสังกัจจายก็เป็นพระพิมพ์ที่เซียนพระนิยมกัน และมีราคาสูงหลักหลายหมื่นจนถึงหลักแสน

โต๊ะเครื่องบูชา

     โต๊ะเครื่องบูชาของจีน เป็นของที่มีมาแต่ดึกดำบรรพ์ และคงมีเข้ามาในเมืองไทย ตั้งแต่มีจีนเข้ามาอยู่ "โต๊ะจีน" ทุกวันนี้ ไม่เหมือน เครื่องบูชาของจีน แต่เป็นเอาเค้าเครื่องบูชาอย่างจีน มาคิดประดิษฐ์จัดตามความนิยมของไทย ถ้าจะเรียก "โต๊ะไทย" ก็ได้ เท่ากับเรียกว่าโต๊ะจีน      เครื่องบูชาของจีนนั้น ก็คือถวายดอกไม้อย่างหนึ่ง เผาเครื่องหอมอย่างหนึ่ง และจุดเทียนอย่างหนึ่ง ตรงกับดอกไม ้ธูป เทียนของไทย สิ่งของที่จีนตั้งโต๊ะบูชาประจำที่ เช่น ตั้งหน้าพระในบ้าน จึงต้องมีขวดสำหรับปักดอกไม้คู่หนึ่ง กระถางสำหรับเผาเครื่องหอมใบหนึ่ง เชิงสำหรับปักเทียนคู่หนึ่ง รวมเป็น 5 ชิ้น จีนเรียกว่า "โงวส่วย" ไทยเราเรียกเพี้ยนว่าเหงาใช้ แปลว่า บูชาด้วยเครื่อง 5 โต๊ะเครื่องบูชาจำต้องมีเครื่อง 5 นี้จะขาดมิได้ แต่วิธีบูชาด้วยเผาเครื่องหอมนั้น ทำได้โดยการ 2 อย่าง แต่เดิมคงจะใช้เอาไม้หอมเผา จึงต้องใช้กระถางเผา ต่อมามีผู้คิดเอาไม้หอมมาประสมทำเป็นธูปให้จุดง่ายเข้า และการใช้จุดธูปบูชานั้น อาจจะบูชาแยกได้หลายวัตถุ โดยกำหนดจำนวนธูป จุดบูชาวัตถุละดอก จึงใช้เป็นเครื่องบูชาขึ้นอีกอย่างหนึ่ง โดยนัยอันเดียวกันกับที่เผาไม้หอม ที่บูชาจึงใช้กระถางสำหรับปักธูป มีนอกออกไปจากกระถามเผาไม้หอมอีกอย่างหนึ่ง วิธีการตั้งเครื่องบูชาอย่างจีน ตั้งโต๊ะสี่เหลี่ยมโต๊ะหนึ่ง บนโต๊ะนั้นด้านในตั้งกระถางธูป (ที่เราเรียกว่า "กระถางใน" ) สำหรับปักธูปที่จดบูชาไหว้พระใบหนึ่ง สองข้างกระถางธูปตั้งแจกันปัหดอกไม้ (ที่เราเรียกว่า "ขวดคอโต๊ะ") ข้างละใบหนึ่ง ไทยเราเรียกว่า "แจกัน" ทั้งกระบอกอย่างนั้นและขวดก็เรียกว่าแจกันเหมือนกัน ข้างด้านหน้าตรงมุมโต๊ะตั้งเชิงเทียนคู่หนึ่ง ระหว่างกลางตั้งกระถางเผาไม้หอม (เราเรียกว่า "กระถางหน้า" ใบหนึ่ง ข้างกระถางเผาไม้หอมมีเครื่องประกอบกระถางเผา คือตลับ หรือจานสำหรับใส่เนื้อไม้ใบหนึ่ง ขวดสำหรับปักตะเกียบเขี่ยถ่านไม้หอมขวดหนึ่ง สิ่งของเหล่านี้ประสงค์จะให้สูงขึ้นเป็นส่วนทรงให้เห็นงามก็ตั้งกี๋เล็กๆ รองที่บนโต๊ะชั้นหนึ่ง ที่ตรงกลางโต๊ะนั้นปรกติเขาว่างไว้ ไม่ตั้งอะไร ต่อจะเซ่นจึงตั้งเครื่องเซ่นแบบเครื่องบูชาเย่างจีน ของที่จำเป็นว่าเท่านั้น อ้างอิงจาก: เรื่องโต๊ะเครื่องบูชา พระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
พระพุทธรูปสุโขทัย พระอุโบสถ วัดคลองเตยใน ซุ้มประตูทางเข้า วัดคลองเตยใน